วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"ปชป." รุกอีสาน "หล่อเล็ก" นำทีมเดินสายพบ นศ.-นักการเมืองท้องถิ่น "เมืองช้าง"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2552 14:48 น.
สุรินทร์- ปชป.รุกอีสาน "หล่อเล็ก" ที่ปรึกษานายกฯ ควง ส.ส.นำทีม
เดินสายเมืองช้างเปิดเวที"ประชาธิปัตย์สัญจร"
พบปะแลกเปลี่ยนเยาวชนนักศึกษา-นักการเมืองท้องถิ่น-ผู้นำ
อปท.มุ่งเน้นเสนอนโยบายพรรค ด้านการศึกษา
และการมีส่วนร่วมของเยาวชน-ปชช.กับการพัฒนาสังคมการเมืองไทย

วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00
น.ที่หอประชุมเล็กวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์
พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำโดย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
และคณะ ได้จัดโครงการ "ประชาธิปัตย์สัญจร" พบปะ-แลกเปลี่ยน-เรียนรู้
การศึกษากับการพัฒนาสังคมและการเมืองไทย ขึ้น โดยมีเยาวชนคนรุ่นใหม่
นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

จากนั้น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและคณะ
ได้เดินสายไปเปิดเวที "ประชาธิปัตย์สัญจร"
เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนและนำเสนอนโยบายพรรคฯ ตามสถาบันอุดมศึกษาในเขต
อ.เมืองสุรินทร์ เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์
และปิดท้ายด้วยการพบปะแลกเปลี่ยนกับนักการเมืองและผู้นำองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น (อปท.) ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ ซึ่ง
มีนายกอบจ.พร้อมบรรดาสมาชิก อบจ.สุรินทร์ เข้าร่วม

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์
เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกระดับได้เข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองให้มากขึ้นโดย
เฉพาะนักศึกษา คนรุ่นใหม่ เพื่อยกระดับการเมืองไทยให้เข้มแข็ง
สามารถตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองและหน่วยงานต่างๆ ได้
และทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

นอก จากนั้น
พรรคประชาธิปัตย์ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาในทุกระดับ ทั้งอาชีวศึกษา
อุดมศึกษาในสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อยกฐานะคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นักศึกษาเมื่อเรียนจบออกมาแล้วให้มีงานทำเป็นที่พึ่งพาของครอบครัวได้

ดร. รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า
ขอให้เยาวชนนักศึกษา ให้ความสนใจการเมืองให้มากขึ้น
ติดตามข่าวสารการเมือง เหมือนกับการติดตามข่าวสารด้านการบันเทิง
หรือข่าวสารด้านการกีฬา เนื่องจากการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามาก
การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป
เมื่อการเมืองเข้มแข็งนักการเมืองจะทำสิ่งใดต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน
เป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น

"หาก ได้นักการเมืองไม่ดี
ก็จะแสวงหาประโยชน์ใส่ตัวเองไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
นักศึกษาต้องให้ความสนใจการเมืองและเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองให้มาก
ขึ้น" ดร.รัชดา กล่าว

แม่ทัพภาค 2 ควงผู้ว่าฯสุรินทร์ เยี่ยม "พังกำไล"- ให้กำลังใจทีมสัตวแพทย์

สุรินทร์- "พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์" มทภ.2 พร้อมผู้ว่าฯ สุรินทร์
และคณะนายทหาร เข้าเยี่ยมให้กำลังใจช้าง "พังกำไล" และทีมสัตวแพทย์รักษา
ที่ รพ.ช้างสุรินทร์
หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสขาขวาหักจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องรักษามานานเกือบ
2 เดือนแล้ว ด้านสัตวแพทย์ เผย พังกำไลอาการทรงตัว
เป็นห่วงบาลแผลกดทับและร่างกายซูบผอมลงมาก

ช่วงบ่ายวันนี้ (23 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่โรงพยาบาลช้าง
ภายในสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติจังหวัดสุรินทร์ อ.เมือง
จ.สุรินทร์ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) พร้อมด้วย
นายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พล.ต.ต่อศักดิ์
เหลืองตระกูล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์ และ
รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี, เสนาธิการกองกำลังสุรนารี
ได้เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจช้าง "พังกำไล" หรือ "พังแต๋น"
ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขวาหัก
จากอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลช้างจังหวัดสุรินทร์
มานานเกือบ 2 เดือน

สัตวแพทย์หญิง ภัทร เชื้อพลายเวช
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติจังหวัดสุรินทร์
เปิดเผยว่า ช้างพังกำไลขณะนี้อาการทรงตัว แม้บาดแผลส่วนใหญ่จะเริ่มดีขึ้น
แต่ก็ยังเป็นห่วงบริเวณบาดแผลช่วงกดทับด้านซ้ายของลำตัว
จากการนอนทับบริเวณบาดแผลนานๆ ทำให้เนื้อตาย
แม้จะมีเนื้องอกมาใหม่แล้วก็ยังน่าเป็นห่วง
เนื่องจากช้างนอนเป็นเวลานานไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายจึงซูบผอมลงไปมาก
แต่ช้างยังกินอาหารได้ขับถ่ายปกติตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมดี

สัตวแพทย์ให้การรักษาด้วยการล้างบาดแผล ให้ยาแก้อักเสบ
ให้กินวิตามินซีบำรุงกระดูก วิตามินบีบำรุงร่างกาย
และขณะนี้กำลังรอเฝือกขาที่มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ได้มาทำการวัดขนาดขาขวาที่หักเพื่อทำเฝือกที่มีคุณภาพดี
มาใส่ให้พังกำไลใหม่

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า
วันนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจแก่ทีมสัตวแพทย์
พร้อมผู้ช่วยสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ
ที่เดินทางมาช่วยรักษาช้างพังกำไล
ซึ่งขอให้กำลังใจในการตั้งใจทำงานรักษาช้างให้หายโดยเร็วและหากมีสิ่งใดที่
จะให้ทหารช่วยเหลือก็ให้ประสานงานกับทางกองกำลังสุรนารีและจังหวัดทหารบก
สุรินทร์ ซึ่งยินดีให้การสนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์สนับสนุนการรักษาช้างพังกำไลอย่าง
เต็มที่
พร้อมกันนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบเงินจำนวน 5,500 บาท
แก่เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังสุรนารีและจังหวัดทหารบกสุรินทร์
ที่ได้มาสนับสนุนช่วยงานการรักษาช้างพังกำไลมาเป็นระยะเวลานาน จะครบ 2
เดือนในวันที่ 29 ก.ค.นี้
พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ทหารให้ทำงานช่วยรักษาช้างต่อไป

ทางด้าน นายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า
สำหรับบ่อน้ำเค็มที่จะใช้รักษาช้างพังกำไลแบบวารีบำบัด นั้น
ขณะนี้ได้มีการอนุมัติโครงการสร้างต่อเติมอาคารโรงพยาบาลช้างแล้ว
ซึ่งต่อไปทีมงานก่อสร้างจะมาทำการต่อเติมอาคารโรงพยาบาลช้างและต่อเติมไปถึง
บ่อน้ำวารีบำบัด และทำการติดตั้งเครนในการยกช้าง
ซึ่งจะลงมือก่อสร้างได้ในเร็วๆ นี้

สัตวแพทย์หญิง ภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า
ต่อไปจะต้องพิจารณาว่าจะใช้น้ำที่มีความเค็มเท่าไรในการรักษาแบบวารีบำบัด
ซึ่งต้องมองไปถึงการนำน้ำเค็มที่ใช้แล้วไปทิ้งด้วยเพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะใน
พื้นที่ เพราะหากใช้ความเค็มของน้ำมากในการรักษา
การนำน้ำไปทิ้งก็ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวด
ล้อม ซึ่งจำเป็นต้องวิเคราะห์กันหลายด้าน

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชมรมฮาร์เลย์-จยย.โบราณ กว่า 500 คน ยกพลเยี่ยม-ช่วยเหลือ "พังกำไล"

สุรินทร์ - ชมรมฮาร์เลย์ และ จยย.โบราณ จ.สุรินทร์, บุรีรัมย์ และ
ศรีสะเกษ ยกพลเยี่ยมเป็นกำลังใจให้ช้าง "พังกำไล" และทีมสัตวแพทย์
พร้อมร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ เผยอาการ "พังกำไล" ยังทรงตัว
และพบเนื้อตายบริเวณแผลกดทับน้อยลง

วันนี้ (19 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลช้าง
ในสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติจังหวัดสุรินทร์ อ.เมือง
จ.สุรินทร์ ชมรมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์และจักรยานยนต์โบราณ กว่า
500 คน ได้ร่วมกันเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ มาให้กำลังใจช้าง "พังกำไล"
หรือ "พังแต๋น" รวมทั้งทีมงานสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์
ในการดูแลรักษาช้างพังกำไล ที่ได้รับบาดเจ็บขาขวาหักจากอุบัติเหตุรถยนต์
เข้าพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลช้างแห่งนี้มานานกว่า 1 เดือนแล้ว

พร้อมทั้งได้บริจาคเงินจำนวนกว่า 40,000 บาท มอบให้แก่
สัตวแพทย์หญิง ภัทร เชื้อพลายเวช
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติจังหวัดสุรินทร์
เพื่อจัดซื้ออาหารให้ช้าง รวมทั้งอาหาร น้ำดื่ม
สำหรับทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ
ที่เดินทางมาช่วยเหลือในการรักษาช้างพังกำไล

สัตวแพทย์หญิง ภัทร เชื้อพลายเวช
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติจังหวัดสุรินทร์
เปิดเผยถึงอาการล่าสุดของช้างพังกำไล ว่า
พังกำไลยังตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมที่ดี กินอาหารได้ ขับถ่ายได้
และคุ้นเคยกับทีมงานสัตวแพทย์เป็นอย่างดี
ให้ความร่วมมือในการรักษาบาดแผลได้ดี

ในวันนี้ สัตวแพทย์ได้เริ่มลงมือในการตัดล้างบาดแผล
และใช้กรรไกตัดเนื้อที่ตายบริเวณบาดแผลช่วงนอนกดทับด้านซ้ายของตัวช้าง
ซึ่งพบว่าบาดแผลนั้นไม่ขยายพื้นที่ออกไป
และเริ่มมีการตอบสนองในการรักษาที่ดีขึ้น บาดแผลเริ่มมีเนื้องอกมาใหม่

ส่วนเนื้อตาย สัตวแพทย์ได้เริ่มตัดทิ้งเป็นส่วนใหญ่
และทำการล้างบาดแผลทุกวัน ให้ยาแก้อักเสบ และยาฆ่าเชื้อ
ให้กินวิตามินซีชนิดเข้มข้น ในการเสริมสร้างเนื้อใหม่
และให้กินวิตามินบีในการบำรุงร่างกายให้มีพละกำลัง แข็งแรง

"สำหรับประชาชนทั่วไป
รวมทั้งนักท่องเที่ยวก็ยังเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจช้างพังกำไลอย่างต่อ
เนื่องทุกวันเช่นเคย" สัตวแพทย์หญิง ภัทร กล่าว

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000081439

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทร์-ยกทีมลงสุรินทร์ทำเฝือกขาช้าง "พังกำไล"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2552 19:32 น.
สุรินทร์ - มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ยกคณะลงสุรินทร์ ทำเฝือกขาให้ช้างพังกำไล
ที่โรงพยาบาลช้างในสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ จ.สุรินทร์
ที่ได้รับบาดเจ็บขาขวาหักจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องรักษามานานกว่า 1
เดือนแล้ว

วันนี้ (16 ก.ค. )
มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นำโดย บุญอยู่ ทิพยะ
ประธานฝ่ายวิจัยและค้นคว้าขาเทียม
มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ทำขาเทียม
พร้อมด้วยอุปกรณ์ในการทำขาเทียมเดินทางมาทำการออกแบบ
และจัดทำหรือหล่อเฝือกชนิดพิเศษ เพื่อใส่ขาขวาให้กับช้าง "พังกำไล" หรือ
"พังแต๋น" ที่หักจากการได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์
และกระดูกต่อเชื่อมกันยังไม่ดี

โดยเฝือกที่จัดทำขึ้นใหม่นี้
เป็นเฝือกทำจากส่วนผสมของปูนขาวและวัสดุที่คงทน ขนาดความยาวเท่ากับขาช้าง
มีลักษณะพิเศษที่มีความยืดหยุ่นได้ดี รูปทรงพอเหมาะกับขาช้าง
และสะดวกในการถอดออกและนำสวมใส่เข้าไปใหม่
ซึ่งจะทำให้สัตวแพทย์มีความสะดวกในการรักษา ล้างบาดแผล
และยังช่วยให้กระดูกส่วนที่หักเชื่อมติดกันดียิ่งขึ้น

โดยขณะนี้เป็นช่วงของการออกแบบ วัดขนาด สัดส่วนของขาช้างพังกำไล
และวางรูปทรงของเฝือกที่จะหล่อขึ้น
จากนั้นจะทำการหล่อเฝือกขึ้นมาซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน
ในหล่อทำให้เฝือกแห้งสนิทแล้วจะนำสวมใส่เข้าขาขวาของพังกำไลที่หักได้
ซึ่งจะทำให้การเชื่อมต่อของกระดูกที่หักดีขึ้น

สำหรับอาการทั่วไปของช้าง "พังกำไล" หรือ "พังแต๋น" ล่าสุด
ช้างพังกำไลสามารถกินอาหารได้ดี ขับถ่ายได้ดี ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ดี
สัตวแพทย์ยังต้องทำการรักษาบาดแผลที่เกิดจากการได้รับอุบัติเหตุ
ซึ่งด้านซ้ายของลำตัวช้างในวันนี้บาดแผลช่วงกดทับยังมีเนื้อตายแต่บาดแผลไม่
ขยายตัวออกไป

ส่วนบาดแผลส่วนอื่น ส่วนใหญ่เริ่มแห้ง มีเนื้องอกออกมาใหม่
แต่บาดแผลที่เกิดจากการใช้สายเปลยกช่วงขาหนีบด้านใต้ท้องด้านหน้าและด้านขา
หลังบาดแผลเริ่มมีขึ้นอีก
สัตวแพทย์กำลังหาวิธีแก้ไขโดยหาอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นเสื้อนุ่มขนาดใหญ่มา
รองรับตัวช้าง เพื่อไม่ให้เกิดบาดแผล

นอกจากนั้น ยังพบว่า ประชาชน หลากหลายอาชีพ โดยเฉพาะข้าราชการ
พนักงานรัฐวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านต่างๆ
เมื่อเดินทางผ่านโรงพยาบาลช้างสุรินทร์
มักจะแวะมาเยี่ยมให้กำลังใจทีมสัตวแพทย์ รวมทั้งให้กำลังใจช้างพังแต๋น
ควาญช้าง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ
ที่มาช่วยในการรักษาช้างพังกำไลอย่างต่อเนื่อง
พร้อมได้พากันถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ร่วมกับช้างพังกำไลไปฝากญาติพี่น้องหรือให้เพื่อนร่วมงานได้ดูอีกด้วย


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000080594

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปภ.เขต 5 เตือน 4 จว.อีสานล่างระวังน้ำท่วมฉับพลัน-โคลนถล่ม

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ปภ.เขต 5 นครราชสีมา แจ้งเตือน ปชช.4 จว.อีสานล่าง
ระวังฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก เน้น
พท.เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม 2 จังหวัดให้ระวังเป็นพิเศษ
และติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด เผยเตรียม จนท.-อุปกรณ์
เครื่องมือไว้พร้อมอพยพราษฎรได้ทันทีหากเกิดภัยพิบัติขึ้น

วันนี้ (14 ก.ค.) นายวัลลภ เทพภักดี
ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 นครราชสีมา (ปภ.เขต 5
นม.) เปิดเผยว่า ทางศูนย์ ปภ.เขต 5
ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก
น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.)
เนื่องจากได้รับรายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ว่า
ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย
และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น
และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

สำหรับพื้นที่ความรับผิดชอบของศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา 4
จังหวัดอีสานตอนล่าง (นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์) นั้น
มีพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม อยู่ใน 2 จังหวัด คือ นครราชสีมา และ
ชัยภูมิ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ในระยะ 1-2 วันนี้

"ที่สำคัญ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย
ติดตามข้อมูลข่าวสารการพยากรณ์อากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
หากได้รับคำเตือนหรือคำแนะนำจากทางราชการขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
เพื่อการป้องกันภัยที่อาจจะเกิดขึ้น" นายวัลลภ กล่าว

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา
ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ เช่น เรือท้องแบน
เครื่องสูบน้ำ รถยนต์ขนย้ายสิ่งของและอพยพประชาชน
รวมทั้งเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ไว้พร้อมแล้ว
เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
หากประชาชนในพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย
สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
เขต 5 นครราชสีมา และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัด
หรือทางโทรศัพท์สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

"อย่าง ไรก็ตาม จากรายงานล่าสุดจนถึงขณะนี้
มีรายงานฝนตกในหลายพื้นที่แต่ยังไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลากแต่
อย่างใด หากยังมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง 1-2 วันนี้
อาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันได้" นายวัลลภ กล่าวในที่สุด


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079451

รพ.สุรินทร์ร่วมสถานศึกษาคุมเข้มสกัด "หวัดใหญ่ 2009"

สุรินทร์ - หลายหน่วยงานเมืองช้างตื่นตัวคุมเข้มป้องกันแพร่ระบาดเชื้อไข้หวัดใหญ่
2009 เผย รพ.สุรินทร์ แจกหน้ากาก ปชช.-ผู้ป่วย
ที่มาใช้บริการทุกคนพร้อมซักประวัติยิบ
หากพบต้องสงสัยคัดแยกเข้าห้องกักเชื้อทันที ด้านโรงเรียนอนุบาลสุรินทร์
ร่วม รพ.สุรินทร์ คัดกรองเข้มนักเรียน ยืนยันยังไม่พบ นร.ป่วยหวัด 2009

วันนี้ (14 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้หลายหน่วยงานใน
จ.สุรินทร์ ทั้งโรงพยาบาลและสถานศึกษาต่างตื่นตัวในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างเข้มงวด
โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลสุรินทร์
เจ้าหน้าที่พยาบาลได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยปิดปากจมูกให้กับประชาชน
ผู้ป่วย และญาติผู้ป่วยที่มาใช้บริการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทุกคน
พร้อมซักประวัติผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจรักษาอย่างละเอียด หากพบมีไข้สูง
ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
จะคัดแยกผู้ป่วยไปเจ้าห้องกักเชื้อและทำความสะอาดบริเวณที่ผู้ป่วยเดินผ่าน
หรือเข้าใช้งานทั้งหมดทันที

ขณะที่โรงเรียนอนุบาลสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์
ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่
1 (ป.1) มีจำนวนนักเรียนรวมกว่า 3,000 คน
ทางโรงเรียนโดยคณะครูร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลสุรินทร์
ได้ทำการคัดกรองนักเรียนด้วยการสอบถาม
และวัดอุณหภูมิร่างกายเด็กนักเรียนอย่างเข้มงวดเช่นกัน
หากพบมีอาการไข้สูงจะแจ้งให้ผู้ปกครองมารับตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
หรือนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษาให้หายจากอาการป่วยเป็นไข้ก่อนจึงค่อยกลับ
มาเรียนตามปกติ ทั้งเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปยังคนอื่นๆ

นายสุชีพ พฤฒิพันธ์พิสุทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลสุรินทร์
กล่าวว่า ขอฝากถึงบรรดาผู้ปกครองนักเรียน ว่า
หากพบบุตรหลานมีอาการป่วยเป็นไข้สูง อย่าได้ส่งลูกหลานมาโรงเรียน
ควรนำไปพบแพทย์ให้ตรวจรักษา
หรือให้พักผ่อนอยู่ที่บ้านรักษาให้หายขาดก่อนแล้วค่อนมาเรียนตามปกติ
ไม่ใช่นั้นหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
อาจจะนำเชื้อมาแพร่กระจายสู่กลุ่มเพื่อนได้

"แต่ปัญหาขณะนี้ คือ แม้เด็กนักเรียนไม่สบายป่วยเป็นไข้
ผู้ปกครองก็ยังส่งลูกหลานมาโรงเรียนโดยอ้างว่าไม่มีใครดูแลอยู่ที่บ้าน
ปัญหาจึงลุกลามต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลสุรินทร์ป่วยเป็นโรคไข้หวัด
ใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นจำนวนมากตามข่าวลือแต่อย่างใด
ขอให้ผู้ปกครองสบายใจได้ ทางโรงเรียนจะไม่ปิดบังเรื่องนี้อย่างแน่นอน"
นายสุชีพ กล่าว


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079513

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชาวสุรินทร์-นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง

วันนี้ (7 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ที่บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง
เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์
พุทธศาสนิกชนชาวสุรินทร์ทุกหมู่เหล่าและนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ร่วมกัน
ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา รับศีล ถวายสังฆทาน และทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์
สามเณร 50 รูป เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของชาวไทย

โดยทางจังหวัดสุรินทร์ได้จัดพิธีทำบุญตักบาตรบนหลังช้างขึ้น
มีนายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
และ พระธรรมโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (มหานิกาย)
เป็นประธานฝ่ายพระสงฆ์

ทั้งนี้ การตักบาตรบนหลังช้างดังกล่าว
พระสงฆ์และสามเณรได้ขึ้นนั่งบนหลังช้าง เชือกละ 2 รูป
เพื่อให้ญาติโยมทั้งหญิงชาย เด็ก
ผู้ใหญ่และนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ทำบุญใส่บาตร ข้าวสาร
อาหารแห้งกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะญาติโยมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด
รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างตื่นตาตื่นใจกับการได้ทำบุญ
ตักบาตรแด่พระสงฆ์-สามเณร บนหลังช้าง
และได้พากันบริจาคเงินทำบุญกับช้างซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ที่อยู่คู่กับประเทศไทย
มาช้านานด้วย

นอก จากนั้นยังมีกิจกรรมนั่งช้างชมเมือง
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้แก่ควาญช้าง
และเป็นค่าอาหารช้าง ซึ่งเป็นการทำบุญช่วยเหลือช้างอีกทางหนึ่งด้วย

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000076666